วิเชียร โต๋ รุ่น 17 พิมพ์
คนครุศิลป์ (Profile & Quote)
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2008 เวลา 00:00 น.
วิเชียร รุ่น 17
Pink Blue Black & Orange co.,ltd.
www.colorparty.com
0 2300 5124


ครุศิลป์ สอนให้เราเข้าใจ สอนให้เรารู้ว่าในโลกมีอะไร อย่างนี้ๆ กว้างๆ แต่ว่าในรายละเอียดจริงๆ เขาไม่ได้สอนให้เราเป็น specialist สอนให้เราเหมือนกับเป็นคนมีความรอบรู้ แต่ว่าไม่ได้เก่ง เพราะว่าจริงๆ ไม่ใช่ 4 ปี ในมหา'ลัยจะทำให้เราเก่งได้หรอก


จนวันนี้ไม่ว่าจบจาก ที่ไหนก็ตาม จบมาแล้วใช้งานยังไม่ได้สักคน เพราะว่าระบบมืออาชีพจริงๆ มันกว้าง มันใช้ประสบการณ์เยอะกว่านั้นมาก ออกมาต้องมาเรียนในบริษัท เขาเรียกว่า "เตรียมมืออาชีพ" อีก 2 ปีอย่างต่ำ แต่ว่าสิ่งที่พวกนั้นเขาสอน  เขาจะเริ่มเข้าใจในเรื่องของในงานๆ หนึ่งต้องอาศัยอะไรบ้าง เขาจะรู้ แต่ความเชี่ยวชาญยังไม่มี ต้องใช้ประสบการณ์  ครุศิลป์สอนกว้าง แต่ว่าไม่ได้ลงดีเทล เพราะฉะนั้นเราจะงงๆ นิดหน่อย

เราอาจจะลึกใน แง่  ถ้าวันหนึ่งเราต้องไปสอนนักเรียน เราจะรู้ว่า เราต้องเตรียมการสอนอะไรบ้าง  เราถูกเตรียมให้เป็นครู ในแง่หลักสูตรสำหรับศิลปะ แต่ว่าเรามีพื้นฐานเรื่องศิลปะติดตัวไว้ สำหรับพร้อมที่วันหนึ่ง เราจะแปลงร่างไปทำอย่างอื่น แต่ว่าถ้าใครคิดจะแปลงร่าง ก็ต้องปรับตัวกันมาก อันนี้เป็นเรื่องปกติ  แต่ถ้าเป็นครูปุ๊ป ปรับตัวน้อยหน่อย เพราะว่าเราเรียนเรื่องจิตวิทยาเด็ก ฯลฯ กันมาเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้างานกราฟฟิคก็กลายเป็นว่า เราต้องมาลงดีเทลใหม่ อันนี้เป็นเรื่องปกติ

ถาม : ตอนรับพนักงานนี่ดูจากอะไร
ตอบ : ตอนรับคนดูที่ logic

ปัญหา ระดับคลาสสิคก็คือว่า ลอจิกของคน ตอนนี้มัน คือเรื่องของมุมมองเด็ก ลอจิกของเด็กมันต่างกัน   เด็กจะมองเรื่องผลลัพธ์ ไม่มองเรื่องวิธีการ อยากเป็นนู่น อยากทำนี่ หรือบางคนไม่มี มองไม่ออกว่าอยากทำอะไร แต่รู้สึกว่าต้องทำงานแล้ว แล้วงานดีไซน์ก็อาจจะเป็น choice หนึ่งที่น่าสนใจ และอยากลอง แต่ถามว่าในขั้นตอน กระบวนการกว่าจะไปถึงตอนนั้น มันต้องใช้อะไรนอกจาก how to แล้วเนี่ย ที่เขารู้คร่าวๆ มาแล้ว มันต้องใช้ใจอีกมหาศาลใน การทำงาน กับความที่เขาจะต้อง open mind มากๆ เพื่อที่จะรองรับความรู้ หรือว่าวิธีการทำงานที่มันไม่ได้จากมหา'ลัยสอนอีกเยอะแยะ ซึ่งถ้าเด็กที่ลอจิกไม่ดี ก็เข็นกันเหนื่อย ตรรกกะไม่ดี ความเข้าใจแย่ ก็เข็นกันเหนื่อย ความที่ไม่โอเพ่น มายด์ ก็ทำให้เขาแคบด้วย ทำให้เหมือนกับความที่จะเป็นทีมทำงานกันก็ยาก  และที่สำคัญคือความมุ่งมั่น ถ้าไม่มีก็อาจจะเป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรค

ถ้าเป็นเด็กที่จบมหาลัยใหม่ๆ  ก็คือต้องมาสอนวิธีการ
เพราะ ว่าคือระดับ คืองานอาชีพมันต่างกับในระดับมหา'ลัยแน่นอน ขั้นตอนมันก็ต่างกัน แล้ววิธีการตอบโจทย์อย่างที่พี่บอก งานตอบโจทย์อาจารย์ กับการตอบโจทย์ลูกค้า

สำหรับที่นี่ก็มีคนเข้า และมีคนออก เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าคนที่ออกจากที่นี่ ในความรู้สึกพี่ คนที่เข้าที่นี่ เข้ายาก พี่บอกตรงๆ เข้ายาก เพราะว่าจู้จี้ จู้จี้มาก แล้วก็ออก ก็ออกยาก ยกเว้นกรณีที่คนที่เรารู้สึกว่าเขาไม่เหมาะ

ถ้าใช่ออกยาก ถ้าไม่ใช่ออกง่าย
แต่ ไม่หรอก พี่ว่า เขาก็รู้ตัวแหละ เพราะว่า คนเราถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำ เขาอยู่แล้วเหมือนนับเวลา เหมือนอย่างที่พี่บอกตอนแรกแหละว่า เหมือนกับที่พี่เป็นสมัยแรก เวลาไปทำงานที่มันไม่ถูก field เนี่ย มันมองนาฬิกาตลอด มันไม่ต้องเอ่ยปากมากหรอก แต่ว่าถ้าคนที่ใช่ มันก็ใช่ แต่ว่าถามว่าจุดหนึ่งอาชีพนี้ เราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่า คนแต่ละคนเขามองสิ่งที่เขาต้องการตรงนี้ยาวนานแค่ไหน อย่างพี่มันถือว่า ถ้าถามว่าคนๆ หนึ่งที่ทำอาชีพเดียวยาวนานขนาดนี้ พี่ว่ามันก็เป็นเรื่องที่ก็แปลกนะ คือมันมีไม่มาก ถ้าเทียบกับคนที่ทำไปสักพักหนึ่ง แล้วโดดไปทำอันนู้น เพราะระหว่างทาง มันมีสิ่งที่รู้สึกมันสะกิดเราตลอดเวลา  ทำอันนี้สิ ได้เงินเยอะกว่า ทำอันนี้สิ สบายกว่า ดีกว่าแน่ๆ หมายถึงว่า มันมีนะ ไม่ใช่ไม่มี มันอาจจะด้วยบุคลิกนิสัยส่วนตัวของเราด้วยส่วนหนึ่ง ที่เรารู้สึกว่า เรายังสนุกกับมันนะ เราก็ชอบมัน เราก็ยังชอบผู้หญิงคนนี้อยู่นะ เราก็จะเป็นแบบนี้ตลอด บางทีมันก็ตอบยาก คำถามบางทีพี่เดาว่ามันมีหลาย factor

ถาม :  มองธุรกิจกราฟฟิคตอนนี้ และต่อไปในอนาคต
ตอบ : กราฟฟิคคิดว่า กราฟฟิคในแง่ของธุรกิจมันโอเค เพียงแต่ว่าตัวแปรมันอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ฝีมือเรา คำหนึ่งมันใช่เลย ปีที่แล้วทำบ้าน มีหัวหน้าโฟร์แมน เขียนตัวหนังสือตัวใหญ่ๆ เลยว่า ช่างปูน ค่าแรงตามฝีมือ หลักการเดียวกัน คือ งานกราฟฟิค งานดีไซน์ งานครีเอทีฟทุกชนิด เรื่องของฝีมือเป็นส่วนหนึ่ง

อย่าง งานดีไซน์พวกบูธ เรื่องครีเอทีฟส่วนหนึ่ง แต่เรื่องของการ serve อันนั้นก็เป็นเรื่องกลยุทธ์อย่างหนึ่ง เหมือนกัน เพราะฉะนั้น จะอยู่ได้  จะอยู่ดี ฝีมือก็ต้องดีด้วยอันที่หนึ่ง

อันที่สอง ต้องฉลาดด้วยในแง่ของธุรกิจ ต้องวางแผนธุรกิจเป็นด้วย ถ้ามีหัวเรื่อง business ด้วย เรื่องงานเงินด้วย มันก็จะทำให้สิ่งที่เราเหนื่อยไป มันไม่สูญเปล่า มันก็จะสามารถที่จะแปลงเป็นรายได้ที่ดีให้ อันนี้เป็นเรื่องฝีมือ สอนไม่ได้ เพราะว่าบางคนงานดีมาก แต่การบริหารจัดการหรือเรื่องการคิดตาม หรือเรื่องการ organize ตรงนี้ไม่ดี ตรงนี้ฝีมือนะ บางครั้งเหนื่อยน้อย แต่กำไรเยอะ เพราะว่าพวกนี้ไม่ใช่อยู่ดีๆ ว่าเรามั่วไปชาร์ตลูกค้า ไม่ใช่นะ แต่ว่ามันเป็นเรื่องของ experience ทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น ถามว่า อาชีพนี้ไปได้ไหม ไปได้  เพราะว่าอย่างงานตลาดบ้านเรา มันยังมี  พูดง่ายๆ คนมันเยอะขึ้น เศรษฐกิจมันต้องโตขึ้นแน่ เพียงแต่ปัจจัยบางช่วง มันลงมันขึ้น  แน่นอนมันต้องเกิดบริการใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆ มันต้องโฆษณา มันต้องการประชาสัมพันธ์แน่ๆ คนรุ่นพี่วันหนึ่ง คนรุ่นเราวันหนึ่งก็ต้องเดิน  เราก็คงทำไม่ไหว  เราก็ต้องผ่านไป ก็ต้องมีคนรุ่นใหม่มารองรับตรงนี้  แล้วก็ สิ่งหนึ่งที่บอกในตอนแรกว่า ในวงการนี้มันยังไม่ค่อยมี celeb มันเป็นข้อดีก็คือว่า มันยังกว้างสำหรับทุกคน ที่จะฉวยโอกาสตรงนี้ว่า เออ มันยังเป็นเวทีที่คุณยังเป็นดาราได้เสมอ  ถ้าคุณฉลาดที่จะเล่นกับสื่อ  แล้วก็งานคุณดีนะ วิธีการ push ตัวเองแบบหนึ่ง 

อย่างใครนะ (นิตยสาร) Wall Paper "หมู" หมูเนี่ย มีฝีมือ แล้วอยู่ถูกที่ถูกทางด้วย เออ อีกอันหนึ่งก็คืออันนี้ การพาตัวเองไปให้ถูกที่ถูกทาง สำคัญนะ บางคนฝีมือดีนะ แต่ว่าพาตัวเองไปอยู่ผิดที่ผิดทาง แทนที่จะโตกว่านี้  ก็ไม่โตกว่านี้ หรือว่าไปเจอสิ่งที่มันไม่ดีสะกิดดึงไว้ตลอด ทั้งๆ ที่ฝีมือดีก็มีนะ ก็น่าเสียดาย

แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ 02 กรกฏาคม 2009 เวลา 14:13 น.